ผู้ที่อยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย โดยเฉพาะในสายงานก่อสร้าง น่าจะได้ยินศัพท์เกี่ยวกับเทคโนโลยีชั้นสูงเรื่องหนึ่งมานานแล้ว คือ Building Information Modeling หรือ BIM ซึ่งหลายบริษัท โดยเฉพาะในฝั่งผู้รับเหมาก่อสร้าง ได้นำไปใช้และพัฒนาองค์กรให้เข้าสู่โลกดิจิทัล ซึ่งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง หรือแม้แต่บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมที่นำเทคโนโลยี BIM ไปใช้อย่างถูกต้อง จะได้เห็นประโยชน์ของเทคโนโลยีดังกล่าวในด้านการประมาณราคาที่แม่นยำ การลดความขัดแย้งในขั้นตอนการก่อสร้าง จนกล่าวได้ว่าเป็นเทคโนโลยีปฏิวัติวงการก่อสร้างเลยทีเดียว การเข้าสู่เทคโนโลยี BIM สำหรับบริษัทอื่นๆ ที่เหลือในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ได้เริ่ม จึงเป็นเรื่องของ ‘เวลา’ เท่านั้นว่าจะทำเมื่อไหร่ เพราะการนำเทคโนโลยีนี้เข้ามาใช้ ในปัจจุบันยังถือว่าเป็นนวัตกรรมที่มีมูลค่าสูงอยู่ ดังนั้นบริษัทที่จะใช้เทคโนโลยี BIM ต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ให้คุ้มกับการลงทุน
มาถึงตรงนี้ ต้องอธิบายก่อนว่า BIM คืออะไร อาจอธิบายได้ง่ายๆ คือ Model 3D ที่มีข้อมูลประกอบเป็น Database จำนวนมาก ที่ทำให้ข้อมูลทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบก่อสร้าง ฐานข้อมูลราคา ปริมาณวัสดุต่างๆ มาอยู่เป็น ‘ฐานข้อมูลชุดเดียวกัน’ ได้ หากปรับเปลี่ยนจุดใดจุดหนึ่ง จะทำให้เกิดผลกระทบกับข้อมูลอื่นๆ ทั้งหมด เมื่อโครงการมีการพัฒนาจนจบสิ้น กลายมาเป็นอาคารจริงๆ โครงการที่ผู้รับเหมาก่อสร้างใช้เทคโนโลยี BIM ก็อาจส่งมอบ Model ที่มีข้อมูลเสมือนอาคารจริงนี้ให้กับเจ้าของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเมื่อเรามีอาคารจริงในโลกภายนอก VS อาคารที่เป็น Model 3D จำลองในโลกดิจิทัล จึงเป็นที่มาของเทคโนโลยีก้าวต่อไปอีกขั้นหนึ่ง คือ “Digital Twin”
คำแปลตรงตัวของ Digital Twin คือ คู่แฝดที่อยู่ในโลกดิจิทัล หรือฐานข้อมูลในโลกดิจิทัลของอาคารหลังหนึ่ง ที่จะสะท้อนถูกต้องตรงกันเหมือนกับอาคารในโลกที่สร้างจริง ลองนึกถึงเวลามองตัวเองในกระจกตอนเช้า ในกระจกนั้นก็คือ Mirror Image ของเรา ที่เสมือนเป็นคู่แฝดของเรา ลองคิดว่าอีกด้านหนึ่งของกระจกคือ ‘โลกดิจิทัล’ ตัวตนของเราในนั้นก็คือ Digital Twin ของเรานั่นเอง หากกระจกนั้นคือกระจกวิเศษมาก ที่มองลงลึกไปในเชิงข้อมูลของร่างกายเรา แล้วแสดง สะท้อน ผลเลือดของเรา ค่าน้ำตาลของเรา ความดันของเรา ณ บัดนั้นออกมา มัน ก็คือ Digital Twin ของเราเช่นกันแต่เป็นมุมของ Data
ในต่างประเทศ การใช้ Digital Twin เพื่อการบริหารสินทรัพย์ จำพวกอาคาร โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ หรือที่ในประเทศไทยเรียกกันว่า ‘สร้างแล้วบริหาร’ เช่น ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, โกดังสินค้า, อาคารสำนักงาน เป็นเรื่องแพร่หลายมาก ดังนั้นการนำ Digital Twin มาใช้จึงเป็นการต่อยอด จากผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นของ BIM Model ซึ่งเจ้าของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีอยู่แล้ว และได้ประโยชน์ไปแล้วตอนก่อสร้าง แต่เราจะนำมาใช้ประโยชน์ต่อเพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรสูงสุดในรูปแบบการบริหารสินทรัพย์ เพราะบ่อยครั้งเมื่องานก่อสร้างจบ สิ่งที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีวางไว้ในคอมพิวเตอร์ คือ Digital Twin ซึ่งส่วนใหญ่เป็น BIM Model ที่พนักงานในองค์กรไม่เข้าใจและไม่ทราบว่าจะนำไปใช้ประโยชน์อะไร ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว นี่คือฐานข้อมูลอาคารชั้นดี ที่สามารถนำไปใช้ ‘ต่อยอด’ และ ‘สร้างแต้มต่อทางธุรกิจ’ ได้หลากหลายมาก ตัวอย่างดังต่อไปนี้
- การใช้ Digital Twin ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดี สร้างเข้าใจตรงกัน เร่งการตัดสินใจในการขาย : รูปแบบการขายพื้นที่เช่าในอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบัน คือ การขายโดยลดการเดินทางมายังสถานที่จริง ซึ่งการมี Digital Twin สามมิติที่มี ทีมงานพร้อมปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมตามความต้องการของลูกค้าระหว่างประชุมออนไลน์ เช่นลูกค้าอาจจะอยากขยับผนังไปสัก 3 เมตร เผื่อที่เพิ่ม หรือ ลองแบ่งห้องให้ดูหน่อย ก็นำเสนอได้ ซึ่งการปรับได้ทันทีดังกล่าว สามารถช่วยให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจได้เห็น ‘ภาพเสมือนของโครงการแบบเรียลไทม์’ และนำข้อมูลไปพิจารณาประกอบการตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
เรื่องการประชุมที่เดิมใช้จอ อาจเปลี่ยนเป็น การใช้นวัตกรรม Virtual Reality (VR) ในการประชุม เพื่อสัมผัสประสบการณ์ Digital Twin จะกลายเป็นเรื่องปกติในเวลาอันใกล้นี้ เพื่อการสร้างความเข้าใจสภาพแวดล้อมที่ชัดเจน
- การใช้ Digital Twin เพิ่มความแม่นยำ ลดเวลาการบำรุงรักษาอาคาร : ช่างอาคารมีปัญหาเสมอในการระบุตำแหน่งอุปกรณ์ที่เสียหาย และงานระบบที่ซ่อนอยู่ในจุดที่มองไม่เห็น จากแบบก่อสร้างที่ไม่สมบูรณ์ หรือไม่ถูกต้อง หรือไม่มีรายละเอียด เพียงพอ ในทางกลับกันการใช้ Digital Twin สามารถระบุตำแหน่งท่อ งานระบบต่างๆ เป็น ‘สามมิติ’ เพื่อทำให้งานสามารถยืนยันตำแหน่งและข้อมูลต่างๆ ให้เป็นไปอย่างง่าย ลดความผิดพลาดและเวลาในการทำงาน
- การใช้ Digital Twin เพิ่มช่องทางในการหารายได้ : โครงการอสังหาริมทรัพย์บางประเภทเช่น ศูนย์การค้า, อาคารสำนักงานให้เช่า อาจมีการหารายได้จากการให้เช่าสถานที่จัดอีเวนต์ต่างๆ หรือ สื่อโฆษณาจากป้ายต่างๆ โดยทีมงานเจ้าของสถานที่สามารถใช้ Digital Twin สามมิติในการปรับแต่ง สภาพแวดล้อม นำป้ายโฆษณาของผู้ที่สนใจเช่าสถานที่หรือป้ายโฆษณาเข้ามาติดตั้งใน ‘โลกเสมือน’ (Digital Twin) เพื่อสร้างความเข้าใจ Look and Feel ของบรรยากาศที่เกิดขึ้นได้
- การใช้ Digital Twin เพื่อการประหยัดพลังงาน : Digital Twin มีศักยภาพในการจำลองการใช้พลังงานของอาคาร ในกรณีที่เจ้าของโครงการต้องการติดแผงกันแดด หรือเปลี่ยนชนิดของกระจก รวมถึงการเปลี่ยนเครื่องจักร หรือแม้แต่ติดโซล่าร์เซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cell) บนหลังคา Digital Twin สามารถจำลองการใช้พลังงาน โดยประเมินข้อมูลก่อนทำการติดตั้งได้จริงว่า สามารถประหยัดพลังงานได้ดีขึ้นมากน้อยเพียงใด คุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่ การติดตั้งจะส่งผลกระทบอย่างอื่นหรือไม่
- การใช้ Digital Twin เพื่อการออกแบบต่อเติมส่วนขยาย : อย่างที่กล่าวไป Digital Twin นั้นเป็นภาพสะท้อนเสมือนของอาคารจริง เปรียบได้กับการเป็นแบบอาคารที่มีความสมบูรณ์ ถูกต้อง การที่สถาปนิก หรือผู้รับเหมาก่อสร้างต้องการทำการต่อเติมเพิ่มเติม สามารถใช้ Digital Twin เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาต่อ ลดเวลาการวัดพื้นที่จริงจากการสำรวจสถานที่ และสร้างความเข้าใจตรงกันได้เป็นอย่างมาก
- การใช้ Digital Twin เพื่อการคุ้มครองความปลอดภัย : ความอัจฉริยะอีกประการหนึ่งในการใช้เทคโนโลยี Digital Twin ที่อาจถูกมองข้ามไป คือความสามารถในการจำลองเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ เช่น เพลิงไหม้ เส้นทางการเข้าถึงของนักผจญเพลิง การอพยพของผู้ใช้อาคาร เหตุการณ์ก่อการร้าย ที่ต้องมีปฏิบัติการเข้าช่วยเหลือ เทคโนโลยี Digital Twin Model จะเป็นข้อมูลที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในกรณีนี้ได้อย่างมั่นใจตลอดเวลาไม่เพียงแต่จำลองสถานการณ์เท่านั้น หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นขึ้น ก็สามารถดึง Digital Twin Model ของโครงการหรืออาคารนั้นๆ มาใช้ในการระบุตำแหน่งแทน ซึ่งจะมีความถูกต้อง แม่นยำ และใช้งานได้สะดวกรวดเร็วกว่าการกางแปลน หรือพิมพ์เขียวเป็นไหนๆ
มาถึงตรงนี้ คุณมี Digital Twin อยู่หรือไม่?
สำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกท่านที่มี BIM Model วางอยู่ในองค์กร มันคือขุมทรัพย์ที่หลับใหลอยู่ รอถูกปลุกให้ตื่นขึ้น เพื่อทรานส์ฟอร์มเป็น Digital Twin มาสร้างประโยชน์ให้กับคุณ